“สถาปัตยกรรมไม่ใช่เพียงแค่วัตถุที่จะนำมาตั้งในพื้นที่ หากคือส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อม” Wang Shu กล่าว
Ceramic House, 2003-2006, Jinhua, China |
Wang Shu สถาปนิกชาวจีนคนแรกและมีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น ซึ่งได้รับรางวัล Pritzker Prize ในปี 2012 จากแนวคิดการทำงานที่เชื่อว่าสถาปัตยกรรมไม่มีตัวตน เพราะเขาเคารพและเชื่อมั่นในวัฒนธรรมท้องถิ่น ธรรมชาติ และงานฝีมือ ซึ่งเรารับรู้ได้จากแนวทางการทำงานอันชัดเจนและมั่นคงที่ถูกผสานรวมจนกลายเป็นสถาปัตยกรรมในรูปแบบของ Wang Shu โดยเฉพาะ
Ningbo Historic Museum, 2003-2008, Ningbo, China |
Wang Shu เกิดในปี 1963 ที่เมืองอูรุมฉี (Urumqi) แคว้นซินเจียง (Xinjiang) ซึ่งอยู่แถบตะวันตกของประเทศจีน มีพ่อและแม่เป็นส่วนสำคัญในการจุดประกายให้สนใจในเรื่องการใช้วัสดุ งานฝีมือ และวรรณกรรม เมื่อ Wang Shu ยังเป็นวัยรุ่น เขามักจะนั่งรถไฟเพื่อเดินทางจากเมืองบ้านเกิดไปเมืองปักกิ่งซึ่งแม่ของเขาเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น ระยะทางราว 4,000 กิโลเมตร เขาต้องอาศัยอยู่บนรถไฟตลอด 4 วัน 4 คืน ซึ่งในการเดินทางแต่ละครั้งนั้นส่งผลให้ Wang Shu มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขวางและยืดหยุ่น ได้เรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมธรรมชาติตลอดการนั่งรถไฟ และเขายังได้จดบันทึกเรื่องราวที่พบเจอผ่านการวาดรูปทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาสนใจศึกษางานศิลปะและการเขียนหนังสือด้วยตัวของเขาเองอีกด้วย
Ningbo contemporary art museum, 2001-2005, Ningbo, China |
Wang Shu มีความสนใจในด้านงานศิลปะ แต่พ่อแม่ส่งเสริมให้เป็นวิศวกร เขาจึงเลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมที่อยู่ตรงกลางระหว่างการวาดภาพและการคำนวณ โดย Wang Shu จบการศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทจาก Nanjing Institute of Technology ในปี 1985 และปี 1988 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะเกิดที่เมืองอูรุมฉี และใช้ชีวิตวัยเรียนที่หนานจิง (Nanjing) แต่เขาก็เลือกที่จะเริ่มต้นทำงานในเมืองหางโจว (Hangzhou) เพราะเป็นเมืองที่มีธรรมชาติแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ทั้งเทือกเขา ธารน้ำ และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการวาดงานศิลปะเกี่ยวกับทิวทัศน์ทางธรรมชาติอีกด้วย เมื่อ Wang Shu เรียนจบจึงเริ่มทำงานที่ Zhejiang Academy of Fine Arts ซึ่งเขาทำงานเกี่ยวกับการศึกษาข้อมูล สิ่งแวดล้อมและความสัมพันธ์ในการบูรณะสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และในปี 1988 เขาได้ออกแบบศูนย์เยาวชนบนพื้นที่ 3600 ตารางเมตรในเมืองหางโจว ซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1990
Ningbo contemporary art museum, 2001-2005, Ningbo, China |
ช่วงปี 1990 – 1998 Wang Shu ได้เข้าไปทำงานในไซท์เหมือนคนงานก่อสร้างที่เริ่มงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืนในทุกวัน เขาทำงานและใช้ชีวิตเหมือนคนงานทุกประการ เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ในการก่อสร้างและโครงสร้างทุกอย่างตลอด 8 ปี และเนื่องจาก Wang Shu มีความสนใจด้านการรีโนเวทอาคาร โปรเจคที่เขาเลือกทำจึงมักจะเป็นงานรีโนเวทสถาปัตยกรรมแทบทุกโปรเจค ในปัจจุบัน Wang Shu เป็นอาจารย์และหัวหน้าสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ China Academy of Art ในเมืองหางโจว เขามีแนวคิดให้นักเรียนปี 1 ใช้เวลาทั้งปีในการศึกษาเรื่องวัสดุ โครงสร้าง เรียนรู้ความรู้พื้นฐานในการใช้ไม้และอิฐด้วยตัวของนักเรียนเอง เพราะ Wang Shu เชื่อว่า มีแต่คนที่เข้าใจธรรมชาติและสัจจะของวัสดุอย่างแท้จริงเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างผลงานศิลปะโดยใช้วัสดุนั้นๆได้
“ผมมักจะพูดว่าเสมอว่าเรากำลังออกแบบ “บ้าน” แทนการพูดว่ากำลังออกแบบตึก เพราะสำหรับผมสถาปัตยกรรมคือบ้าน คือเรื่องราวของชีวิตประจำวันที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเรา” Wang Shu กล่าว
Wang Shu และ Lu Wenyu |
Wang Shu และ Lu Wenyu ภรรยาของเขาได้ก่อตั้งบริษัท Amateur Architecture Studio ในปี 1997 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน Amateur Architecture Studio หมายถึง ผู้สร้างสถาปัตยกรรมมือสมัครเล่น ซึ่งมีความสัมพันธ์อันเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ งานฝีมือ ประเพณี และวัฒนธรรม จากการที่ Wang Shu ได้ไปทำงานที่ไซท์ก่อสร้าง เขาจึงนำประสบการณ์ในส่วนนี้มาประยุกต์ใช้กับงานออกแบบและนำวัสดุดั้งเดิมมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ในแต่ละโปรเจค
เอกลักษณ์ของ Amateur Architecture Studio คือการผสมผสานระหว่างความเข้าใจการใช้วัสดุแบบดั้งเดิมและการออกแบบอาคารรูปทรงโมเดิร์น โดยนำมาศึกษาหาข้อมูลและทำการทดลอง ให้เป็นพื้นฐานการออกแบบของสตูดิโอ
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
บ่อยครั้งที่ Wang Shu และ Lu Wenyu เลือกที่จะใช้กระเบื้องดินเผาซึ่งเป็นวัสดุดั้งเดิมของประเทศจีนมาใช้ในงาน เป็นการนำธรรมชาติและมรดกที่สืบทอดสานต่อในงานของพวกเขา ซึ่งพวกเขามักออกแบบผลงานที่มีความทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสถาปัตยกรรมที่ไร้ตัวตนจากการเลือกใช้วัสดุเก่าแก่ด้วยเช่นกัน
Ningbo Historic Museum |
โปรเจคของ Wang Shu และ Lu Wenyu ที่เป็นที่จดจำคือ Ningbo Historic Museum โปรเจคตัวอย่างที่จะเห็นภาพการใช้โครงสร้างและการใช้วัสดุของเขาทั้ง 2 ได้ชัดเจนที่สุด โดยการนำกระเบื้องดินเหนียวที่ถูกทำลายทิ้งหรือที่พุพังจากซากเก่าอาคารในไซท์มาใช้อีกครั้ง ด้วยการนำกระเบื้องดินเดิมมาเรียงต่อกันเป็นชิ้นๆ ผ่านโครงสร้างอาคารแบบดั้งเดิม เพราะนอกจากจะสามารถสะท้อนถึงการนำวัสดุดั้งเดิมเพื่อสืบทอดประวัติศาสตร์มาใช้ในงานแล้ว ยังเป็นการรีไซเคิลวัสดุให้เกิดประโยชน์อีกครั้งด้วย
Ningbo Historic Museum |
Xiangshan Campus of the China Academy of Art |
Xiangshan Campus of the China Academy of Art เป็นอีกโปรเจคที่แสดงถึงความศรัทธาและความเชื่อในการเล่าเรื่องวัสดุของ Wang Shu และ Lu Wenyu โปรเจคนี้คือสถาบันสอนศิลปะที่ใช้กระเบื้องดินเผากว่า 2 ล้านชิ้น จากบ้านเก่าแก่ที่ถูกทำลายทิ้ง นำมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์และแสดงสัจจะวัสดุให้เห็นขึ้นอีกครั้ง งานของ Wang Shu มักจะหลีกเลี่ยงการทุบ ทำลาย หรือรื้อถอน เพราะเขาเลือกที่จะสร้างเรื่องราวและสร้างความต่อเนื่องเพื่อสืบทอดประวัติศาสตร์ประเทศจีนผ่านทางการออกแบบสถาปัตยกรรมในแต่ละโปรเจค
สเปซที่เชื่อมต่อกันระหว่างช่องเปิดภายในและภายนอก
|
Xiangshan Campus of the China Academy of Art, 2002-2004, Hangzhou, China |
Tiled Garden |
ในปี 2006 Wang Shu และ Lu Wenyu ได้ออกแบบ Tiled Garden ที่งาน Venice Architecture Biennale เขาทั้งสองเลือกที่จะออกแบบ Installation ที่สร้างจากกระเบื้องดินเผามากกว่า 66,000 ชิ้นซึ่งถูกทำลายทิ้งในประเทศของเขา นำมาเรียงต่อกันเป็นผลงานศิลปะชิ้นใหญ่ ที่ผู้คนสามารถเดินขึ้นไปดูในพื้นที่ต่างๆของบริเวณพื้นที่จัดงานได้
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
สถาปนิกหลายๆคนมักจะนำวัฒนธรรมทางประเทศตะวันตกมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ แต่แรงบันดาลใจของ Wang Shu คือการออกแบบจากรากเหง้าวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เก่าแก่ของประเทศจีน มาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าสนใจในปัจจุบัน
Ningbo Tengtou Pavilion |
Ningbo Tengtou Pavilion อยู่ในหมู่บ้าน Tengtou Village ที่เมืองหนิงโบ (Ningbo) ซึ่่งเป็นหนึ่งในพื้นที่จัดงานของ Shanghai Expo โดย Tengtou เป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างความสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวให้พัฒนามากขึ้น แต่ในขณะเดียวทรัพยากรธรรมชาติก็ยังคงความอุดมสมบูรณ์และไม่ถูกรบกวนจนเกินไปนัก Pavilion นี้แบ่งเป็นสเปซหลายส่วน เช่น Sounds of Nature, Close to Nature, Moving Images และ Interactive Signature ซึ่งแต่ละสเปซก็จะมีแนวคิดที่แตกต่างกัน เช่น Sounds of Nature ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวหนังสือจีนที่เกี่ยวกับพระอาทิตย์ 24 ตัว หรือ Close to Nature เป็นสเปซที่ผู้ใช้จะสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ของเมือง Tengtou นั่นเอง
Ningbo Tengtou Pavilion, 2010, Shanghai, China |
Wang Shu และ Lu Wenyu คือสถาปนิกที่ทำให้เราแน่ใจว่าบางทีการอนุรักษ์ของเก่าหรือการนำกลับมาใช้อีกครั้งก็สามารถทำให้สถาปัตยกรรมชิ้นนั้นๆทรงพลัง จากเรื่องเล่าของวัสดุและโครงสร้างที่ต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ยิ่งทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสถาปัตยกรรมชิ้นไหนๆ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่ได้เติบโตมาพร้อมกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ซึ่งทำให้จับต้องและรับรู้ได้ง่ายมากขึ้น เพราะสถาปัตยกรรมไม่ใช่แค่อาคารที่บรรจุฟังก์ชันไว้ข้างใน หากแต่เป็นการนำเรื่องราวและแนวคิดซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมและวิธีการใช้ชีวิตมาออกแบบนั่นเอง
ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก Archdaily, Dezeen, Pritzkerprize
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น