คำศัพท์เอวี NTR - แนวหนังแห่งทศวรรษ 2020s ?

 Home 

คำศัพท์เอวี



NTR - แนวหนังแห่งทศวรรษ 2020s ?

หากถามว่าตระกูลหนังแนวไหนในวงการหนังเอวีที่มาแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า NTR


ไม่ว่าจะค่ายใหญ่ค่ายเล็ก บนปกจะขึ้นอักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ๆ สามตัวให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า NTR เพื่อให้คนดูเลือกซื้อได้ถูกกันไปเลย

แต่ก็ด้วยการเป็นคำย่อของมันนั่นเอง(แถมเป็นคำย่อเฉพาะวงการ ข้ามไปหมวดสาขาอื่นๆ คำย่อนี้ก็ใช้เป็นความหมายอื่นแล้ว) ที่ทำให้ทุกวันนี้ยังมีคนถามเสมอว่า NTR นั่นหรือคืออะไร ?

คำย่อนี้มาจากสแลงดั้งเดิมว่า เนโทราเระ(Netorare-寝取られ) เป็นการรวมคำระหว่าง เนะ(寝) ที่แปลว่าหลับนอน กับ โทราเระ(取られ) ที่แปลว่าขโมย ซึ่งรวมกันหมายถึง การมีชู้ การถูกแย่งแฟน หนังเอวีแนวที่มีเนื้อเรื่องลักษณะนี้ ทั้งสามีที่ภรรยามีชู้ หรือจะหมายถึงแฟนสาวกำลังมีชู้ก็ได้เช่นกัน

เนื้อเรื่องยอดนิยมของหนังเอวีแนวนี้คือในช่วงเริ่มต้นเรื่องภรรยามักถูกข่มขืนจากเพื่อน, เจ้านาย, พ่อตา หรือคนใกล้ตัวของสามีโดยไม่เต็มใจ ด้วยกลัวความลับจะถูกเปิดเผย ทำให้จำยอมมีเซ็กส์กับคนดังกล่าวต่อไปอีกหลายครั้งในระยะที่ไม่ไกลจากสามีมากนัก แต่จะด้วยความตรากตรำทำงานจนเหนื่อย หรือไว้ใจภรรยา เขาก็ไม่ได้ไหวตัวในเรื่องนี้ นานเข้าภรรยาก็หลงใหลในความกระฉับกระเฉงเรื่องบนเตียงของชายชู้ที่เคยข่มเหงเธอ กว่าสามีจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว...

หากเทียบกับภาษาอังกฤษ NTR ก็คือแนวทางเดียวกับหนังโป๊แนว Cuckold(มีชู้) นั่นเอง แต่การที่เป็นคำย่อ ทำให้มันยังพลิกแพลงความหมายได้หลากหลายอีกด้วย ซึ่งมีคนแยกเอาไว้ดังนี้

- เนโทราเระ(Netorare-寝取られ) สามี(ตัวเอก)ที่ภรรยาแอบไปมีชู้ โดยที่เขาไม่เต็มใจ

- เนโทริ(Netori-寝取り ) เป็นด้านตรงข้ามคือ ตัวเอกไปมีชู้กับภรรยาคนอื่นเสียเอง 

- เนโทราเสะ(Netorse-) หมายถึงการที่สามียอมให้ภรรยามีอะไรกับชายชู้ หรือเป็นกรณีที่เขาได้เห็นภรรยามีอะไรกับชายชู้แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ

หากว่ากันตามจริง NTR ไม่ใช่หนังแนวใหม่อะไรเลย หากใครเคยชมหนังเอวีที่มีเนื้อเรื่อง เนื้อหาประเภทภรรยามีชู้โดยเฉพาะการมีชู้อย่างไม่ได้เต็มใจ แต่ถูกบังคับนั้นมีมานานแล้ว แต่มันถูกรวมอยู่ในหนังแนว Rape หรือหนังเอวีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืน

เดิมทีคำนี้เป็นแนวเรื่องสำหรับเฮ็นไต หรือการ์ตูนลามกของญี่ปุ่นมาก่อน และเริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายจากอนิเมะแนวเฮนไตเรื่อง Triangle Blue ที่เริ่มเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2009-2010  ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดเฮ็นไต และอนิเมะสำหรับผู้ใหญ่แนวนี้ตามมาอีกไม่ขาด

NTR เริ่มค่อยๆ เข้ามาเกี่ยวกับหนังเอวีหลังจากนั้นไม่นาน หลักฐานที่ผู้เขียนพอจะพบได้คือประมาณปี 2014 ค่าย Hibino เริ่มใช้คำว่า NTR ในชื่อเรื่อง รวมถึงมีรหัสหนังของค่ายว่า NTR ออกมา โดยมีเนื้อหาในลักษณะเดียวกันคือภรรยาที่ต้องหลบซ่อนสามี แอบไปมีชู้เพราะถูกบังคับ ก่อนจะเริ่มสมยอมในที่สุด ...แล้วหลังจากนั้นก็ดูเหมือนความนิยมแนวหนังเอวีประเภทนี้จะค่อยๆ แพร่หลายอย่างฉุดไม่อยู่ จนอาจเรียกได้ว่าทุกค่ายปัจจุบัน เราต้องได้เห็นหนังแนว NTR ออกมาแทบทุกเดือน จากเดิมที่มักเป็นหนังสำหรับดาราเอวีที่แสดงหนังมาได้สักพักใหญ่ๆ เพื่อให้มีฝีมือด้านการแสดงมากขึ้น ก็เร่งรัดกว่าเดิม บางคนแสดงหนังเอวีเพียง 4-5 เรื่องก็เริ่มได้เล่นหนัง NTR แล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อแน่นอนว่าอาจมีคนสงสัยว่าเหตุใดทำไมหนังแนว NTR จึงได้รับความนิยม ขนาดนั้น(จากการที่มันถูกผลิตต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความนิยม)  

เพราะแท้ที่จริงแม้แต่ในการ์ตูนเฮ็นไตเอง หากใครเคยติดตามชุมชนเหล่านี้มาบ้างก็จะมีคนที่แสดงความเห็นต่อต้านเนื้อหาแนวนี้ ด้วยความที่มันส่งเสริมการละเมิดศีลธรรมอย่างไม่ปิดบัง บางเรื่องดราม่าหนักหน่วงปู้ยี่ปู้ยำตัวเอกหญิงทั้งความวิตถาร รุนแรง ผู้หญิงราวกับเป็นเครื่องระบายความใคร่ไม่ได้ต่างอะไรกับแนวข่มขืนแม้แต่น้อย(แถมบางเรื่องอาจหนักกว่าอีกด้วย จากการเพิ่มความดราม่าบีบอารมณ์ยิ่งกว่าที่ภาษานักอ่านเรียกว่า "ปวดตับ") ชนิดที่การระบุแนว NTR ให้ชัดเจนคือการช่วยให้นักอ่านบางคนเลี่ยงงานเนื้อหาประเภทนี้เลยก็มี

แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ การเพิ่มเหตุการณ์ให้เกิดความรู้สึกหึงหวงปนกับความรู้สึกเร้าอารมณ์ทางเพศนั้นนับเป็นอาการใคร่ชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณในเรื่องเล่าสมัยอดีต ซึ่งแม้แต่ตามนิยายอีโรติกยุคปัจจุบันไปจนเรื่องเสียวออนไลน์ก็จะพบว่าจัดเป็นพล็อตยอดนิยมที่ได้รับการตอบรับด้วยดีมาโดยตลอด และมองต่างจากคนที่ไม่ชอบว่าการละเมิดศีลธรรมในงานเหล่านี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อระบายความใคร่เสียมากกว่าเราจะไปลอกเลียนแบบทำจริง

ส่วนสาเหตุที่วงการหนังเอวีอ้าแขนรับชื่อนี้จากวงการเฮ็นไตด้วยดีนั้น ผู้เขียนมองว่ามีสองประการ

ประการแรก เป็นการหากลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่ๆ ซึ่งหลายคนไม่ได้อินกับหนังตระกูลข่มขืน ที่ขายฉากรุนแรงเหมือนสมัยอดีตแล้ว เนื่องจากเป็นตระกูลที่ผลิตสืบต่อเรื่อยมาตั้งแต่ยุคหนังพิงค์ฟิล์ม การใส่ชื่อให้ชัดๆ ว่า NTR นอกจากจะทำให้กลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายทันทีว่ากำลังได้ดูหนังแนวไหน ยังเป็นเครื่องหมายบ่งบอกกลายๆ ว่างานที่กำลังรับชมไม่ได้รุนแรงเท่ากับหนังประเภทข่มขืน แต่ก็มีอาการปวดตับบีบอารมณ์ให้ในระดับหนึ่ง 

ประการที่สองคือความทะลักล้นของหนังเอวีไร้เนื้อเรื่อง ตั้งแต่ต้นยุค 2000-2010s ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่าสิบปี 

ก่อนหน้านั้น หนังเอวีแนวเนื้อเรื่องนั้นมีการผลิตออกมาสัดส่วนที่อาจจะมากกว่าหนังที่ไม่มีเนื้อเรื่องด้วยซ้ำ หรือต่อให้เป็นหนังอย่างหลัง ก็ยังต้องใส่บทสัมภาษณ์ หรือการถ่ายทำฉากอื่นๆ แทรกเข้ามาเป็นเนื้อเรื่องเบาบาง ทั้งด้วยเทคนิคการถ่ายทำ โมเสคที่หนามาก และคุณภาพการบันทึกด้วยวิดีโอเทป รวมถึงความยาวของหนังที่น้อยกว่า ทำให้ต้องอาศัยการเร้าอารมณ์จากเนื้อเรื่องมาก่อนฉากโป๊เปลือย และเซ็กส์  

ต้นยุค 2000s คือการมาถึงของดีวีดี หนังเอวียังเริ่มลดโมเสคให้บางลง และเวลาการรับชมที่ยาวขึ้น หลายค่ายแจ้งเกิดจากการถ่ายทำฉากเซ็กส์เป็นหลัก ซึ่งด้วยภาพที่คมชัดมากกว่าเดิม ไม่แปลกที่คนจะตื่นตาตื่นใจกับหนังเอวีแบบนี้จนแทนที่หนังแบบเก่า

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็มีจุดอิ่มตัว... คนเริ่มหันมาสนใจหนังที่มีเนื้อเรื่องมากขึ้น จากเดิมที่ค่ายมีชื่ออย่าง S1 หรือ Ideapocket อาจไม่ได้ผลิตหนังมีเนื้อเรื่องเลย หลายปีที่ผ่านมาก็ปรับตัวตามกระแส มี่หนังแนว NTR ให้นักแสดงเอวีทุกคนต้องได้เล่น

ยิ่งถ้าได้ฟังความเห็นจาก นานามิ คาวาคามิ ดาราเอวีจาก Alice Japan ที่ปัจจุบันเลิกเล่น และไปเอาดีด้านการเป็นนักแสดงแล้วนั้นก็ยิ่งชัด พวกเธอส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหากับหนังแนวนี้ ดีเสียอีกที่ได้ฝึกฝนการแสดงสีหน้าท่าทาง อ่านบทจากหนังกลุ่มนี้ เพราะหลายคนก็มีความฝันในการเป็นนักแสดงอยู่แล้ว หนัง NTR จึงยิ่งสอดคล้องไปกันด้วยดีกับหนังเอวียุคใหม่ ที่ดาราหญิงเหล่านี้ไม่จำเป็นพึ่งพาหรือยอมทำตามค่ายกำหนด การได้แสดงหนังที่มีความดราม่าเหล่านี้ ก็เหมือนช่วยพัฒนาศักยภาพพวกเธอไปด้วยในตัว

จนอาจมองได้ว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมหนังเอวี การมาของหนังแนวนี้จึงมีความสำคัญจนอาจถือว่ามันกลายเป็นแนวหนังแห่งทศวรรษ 2020s ได้เหมือนกัน

ความคิดเห็น